ขึ้นประถมก็จะมีเครื่องแบบใหม่
ขึ้นมัธยมต้นก็จะมีเครื่องแบบใหม่
ขึ้นมัธยมปลายก็จะมีเครื่องแบบใหม่
และเช่นกัน...
เป็นสาวมหาลัยก็ต้องมีเครื่องแบบของมหาลัย
และทุกครั้งที่เรามีเครื่องแบบใหม่กัน จะต้องตื่นเต้นดีใจ
ยิ่งเครื่องแบบของมหาลัยนะ
ยิ่งโคตรน่าอิจฉาเวลาเห็นพี่ใส่ชุกนักศึกษาที่ติดตรามหาลัยในฝันของเรา
ทำไมพี่เขาใส่แล้วสวย แล้วดูดีแบบนั้นนะ สักวันเราต้องเป็นแบบนั้นบ้าง
เราเคยคิดแบบนั้นมาตลอด จนกระทั่งได้มาลองใส่เอง
.
.
.
แม่คะ การที่หนูใส่ชุดนักศึกษาแล้วตันแบบนี้มันคืออะไรรรรร
#กรี๊ดแรงมาก
ศิลปากรบังคับให้ใส่พลีทนะคะ และกับคณะเราที่บังคับให้กระโปรงยาวคลุมเข่า พิธีการคือยาวครึ่งแข้ง และใส่รองเท้าผ้าใบสีขาว
แทบจะกรี๊ดเป็นภาษาต่างดาวตอนเห็นตัวเองใส่ชุดนักศึกษาครั้งแรกค่ะ
หุ่นตันและเตี้ยมาก เป็นทรงตรงเลยค่ะ แงงงงงง
เราได้ใส่ชุดนักศึกษาครั้งแรกอย่างจริงจัง คือเมื่อวันที่ 21
ที่ผ่านมาค่ะ ซึ่งเราต้องไปงานสดุดีสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพที่วังวรดิศค่ะ
เข้าวังครั้งแรกในชีวิต สิทธิพิเศษเฉพาะเด็กรอบรับตรง #กรี๊ดแปป
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพคือใคร?
พระองค์เป็นพระราชโอรสในรัชการที่ 4 ถ้าใครพอจะจำได้พระองค์ได้รับยกย่องว่าเป็นพระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย
และเป็นชาวไทยคนแรกที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก
พระองค์ทรงพระราชกรณียกิจหลายประการที่มีผลดีต่อชาวไทย ทั้งด้านการศึกษา ด้านประวัติศาสตร์
ถ้าเราจำไม่ผิดพระองค์ทรงเป็นเสนาบดีคนแรกของกระทรวงมหาดไทย
กลับมาเรื่องชุด เออ เพราะวันนั้นต้องเข้าวัง เลยต้องเรียบร้อย
กระโปรงต้องครึ่งแข้ง เราก็จัดเลยค่ะ กระโปรงยาว32 เกือบถึงข้อเท้าแหนะ
(ซึ่งใส่แล้วมันเน้นช่วงขาให้เราดูตัวยาว แต่ร้อนมากค่ะ ร้อนจนอยากจะ
ถกกระโปรงขึ้นแล้วไปยืนหน้าพัดลม ฮืออออ)
นอกจากนั้นแล้ว
คณะเรายังพิเศษนะ มีเนคไทสีม่วงให้ใส่ทั้งหญิงและชายด้วยนะ อย่างน่ารักอ่ะ ใส่แล้วมองไกลๆ
เหมือนเด็กมัธยมพวกคอนแวนซ์เลย5555 แต่ความน่ารักนี่ลำบากมาก คือเข้าใจไหมว่ามันต้องติดกระดุมคอที่ใช้ติ้งมหาลัยติดแทนกระดุมที่ตัดไปแล้ว
จากนั้นก็ใส่เนคไท แรกก็ว่าแอบมิ้งดี ไปๆ มาๆ เริ่มไม่ละ อึดอัดมาก รัดคอสุดๆ
จนอยากจะร้องกรี๊ด แงงงงงง เคยอุทธรณ์กับพี่ไปแล้วว่าอึดอัด พี่บอกเดี๋ยวก็ชิน
เอ่อ พี่คะ... นานไหมกว่าหนูจะชิน สงสัยจริงจัง5555
(แว่วมาว่าปีหนึ่งต้องใส่เนคไทนี่ยาวยันจบรับน้องนะ
นี่คงเป้นคำตอบของพี่ว่าเมื่อไหร่เราจะชินกับมัน5555)
ถามว่านอกจากไปสดุดีสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพแล้วยังไปทำอะไรอีก
ก็ได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์หรือก็คือตัววังวรดิศนั่นเองค่ะ แถมด้วยข้าวต้มฟรี
ซึ่งพริกไทยแอบเยอะ กินแล้วแอบฉุนจมูกดี แต่หลายคนก็ว่ามันอร่อยนะ โอเค เราแปลกเอง
(........)
ที่ไปนี่แอบได้อะไรกลับมาเยอะนะ (นอกจากรับรู้ว่าใส่ชุดนักศึกษาแล้วตัวเราจะเป็นทรงตรงแบบนั้นและกระโปรงยาวนี่ร้อนขาฉิบหาย)
อย่างเช่นว่าจะมีการที่เราได้เดินดูพวกของใช้ของสมเด็จท่านที่มีไว้ในพิพิธภัณฑ์
ตรงโต๊ะทรงงานแอบเห็นปฏิทินมันเขียนเดือน พฤศจิกายน ไว้ว่า พรึกสจิกายน คือพึ่งรู้ว่าสมัยก่อนนี่เขียนเดือนพ.ย.ว่างั้น
เห็นพวกกล้องโบราณที่พระองค์ท่านชอบใช้ นอกจากนั้นยังชอบอันนึงที่คือเจ้าต่างประเทศจะส่งพวกโปสการ์ดอวยพรมาให้สมเด็จ
โดยจะใช้เป็นรูปตัวเองงี้ เรามองว่าแปลกดี คือไม่ชินไง ทุกวันนี้เวลาเราอวยพรวันเกิดเพื่อนรือปีใหม่งี้
ถ้าไม่ใช่รูปเพื่อนก็จะใช้รูปพวกที่แสดงให้เห็นถึง่าเปลี่ยนปีแล้วนะงี้
และก่อนกลับบ้านเราได้เจอเพื่อนร่วมรุ่นคนนึง พี่เขาซิ่วมาจากนิติมธ.
ไม่แน่ใจว่าขึ้นปี3 หรือจบปี3 แต่พี่เขาอายุ 22 คือรู้จักเพราะไปหารุ่นพี่เพื่อบอกว่าเราจะกลับบ้านด้วยรถเมล์สาย
80 แล้วพี่คนนั้นเขามาถามทางไปบางขุนนนท์พอดี ซึ่งมันผ่านไง
เราก็เลยบอกว่านั่งสายเดียวกับเราได้ เลยได้รู้จักและรู้ว่าพี่เขาซิ่วมาจากมธ.
ตอนแรกแอบตกใจนะ
คือส่วนตัวถ้าเราเรียนอะไรจนถึงปีสูงแล้วคงไม่กล้าซิ่วออกมา
หนึ่งคือเราไม่อยากให้เวลาที่ทุ่มไปเสียเปล่า สองคือเราเสียดายเงินแม่ ถ้าเราจะซิ่วคงเลือกที่จะซิ่วมันไปตั้งแต่จบปีหนึ่งอ่ะ
แต่นั่นแหละ เพราะเรายังไม่ไปยืนในจุดนั้นล่ะมั้ง
แต่ที่คุยกับพี่เขาคือพี่เขาเรียนแล้วมันเบื่อ
มาถึงจุดหนึ่งก็เลือกที่จะซิ่วออกมาแทน และพี่เขาซิ่วไม่ได้บอกพ่อแม่ด้วยนะ อืม...
พี่คะ พี่อย่างเท่อ่ะ ชอบจัง5555
จากเริ่มต้นเป็นชุดนักศึกษาจบมาเป็นเรื่องซิ่ว อืม... นี่มันเอนทรี่รวมมิตร #ฮา
เอนทรี่หน้าเจอกันกับการสัมภาษณ์ค่ะ กำลังร่างๆ อยู่ จะเอาความรู้สึกตอนที่สัมภาษณ์เข้ามหาลัยทุกคณะที่เราพอจำได้มาลง ตอนนี้ต้องเค้นสมองก่อน ไม่ได้ลงไว้ในบล็อกเก่าด้วย5555
No comments:
Post a Comment