Wednesday, July 29, 2015

ลงทะเบียนครั้งแรกในชีวิต ได้ตารางเรียนแล้วน้าา



สองวันก่อน (27 ก.ค.) ไปปฐมนิเทศคณะมาค่ะ ก็ไม่มีอะไรมาก ก็พูดเรื่องมหาลัย คณะ พวกระเบียบอะไรพวกนี้ ฟังไปจะหลับไป #ขอโทษค่ะ ฮือออ อันที่สำคัญคือเรื่องลงทะเบียนเรียน เราได้เจออาจารย์ที่ปรึกษาเป้นครั้งแรกก็วันนี้แหละ (คนเดียวกะคนที่สัมภาษณ์เราเลย แฮ่ หนูจำอาจารย์ได้นะคะ) แล้วเราก็ได้ใบกระดาษที่อาจารย์ลิสรายวิชาที่เราควรจะลงมาให้ แล้วก็มีพูดแนะนำว่าควรไรบ้างงี้ จากนั้นถึงค่อยไปศูนย์คอมเพื่อไปศึกษาวิธีลงทะเบียนเรียน ความเลวมันอยู่ตรงนี้....

คือเอกเรามันมีทั้งหมด 51 คน ที่ไปวันนั้นไม่ครบ แต่ไปเยอะพอดู แล้วทั้งหมดจะรวมอยู่ในศูนย์คอมห้องเดียวเว้ย แล้วคือคนอธิบายนี่ไปไวมากค่ะ พูดก็เบา คืออีนี่ตามไม่ทันเว้ย ได้แค่ช่วงแรกๆ หลังๆ นี่ไปหมดเลย  ฮือออออ แต่สุดท้ายด้วยสกิลมั่ว กูก็ทำได้เว้ยยย /ระบำ

แต่เออ... แม่งแค่เลือกวิชาไว้เว้ย ยังลงทะเบียนไม่ได้ ต้องมาลงวันถัดไปตอนแปดโมงครึ่งเว้ย... /ทำหน้าแมว

อยู่มา 18 ปี พึ่งจะได้มีประสบการณ์จัดตารางเรียนตัวเองก็เมื่อวานนี้แหละค่ะ แหม่ ประสบการณ์แรก แล้วคือมันมีวิชานึง Man and Art ซึ่งลงได้แค่ไม่ถึง 100 คน ปัญหามันอยู่ตรงนี้แหละค่า ทั้งคณะแม่งมีสองร้อยกว่าคนไง กับวิชาที่ลงได้ไม่ถึงร้อย โอ้โห นี่มันสงครามกดบัตรคอน... เริ่มจองบัตรนะคะแปดโมงครึ่งนะคะ อย่าลืมมาสแตนบายก่อนเวลา เร็วกว่าจองบัตรคอนอปกูอีก ปัจจุบันคอนอปจองเซ่เว่นจอง 11 โมงนะ ถึงแม้กูต้องไปรอที่เซเว่นตั้งแต่หกโมงก็ตามที...

เอาจริง แปดโมงครึ่งนี่เช้าไปนะ สงสารคนตื่นบ่ายโมงทุกวันอย่างเราบ้างสิคะ คณะสนใจเปลี่ยนมาลงทะเบียนเที่ยงคืนไหมคะ แบบเที่ยงคืนหนึ่งนาทีปุ๊บก็ลงปั๊บงี้ สายดึกอย่างเราสู้มาก บอกเลย

แปดโมงสิบห้านี่คลานจากเตียงลงมาเปิดคอมเลยเพื่อพบว่านาฬิกาของเว็บศิลปากรช้าไปประมาณ 10 นาทีได้มั้ง #แล้วกูจะรีบลงมาทำไมวะ สงสัยมหาลัยเน้นใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ แบบอินดี้สุดๆ นาฬิกาอื่นว่าไงไม่รู้ แต่ของศิลปากรจะเวลานี้เว้ย...

ระหว่างนี่ก็เล่นทวิตไปตาจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ไป ง่วงมาก บอกแล้วว่าแปดครึ่งมันเช้าไป แต่ที่อุบาทคือลงทะเบียนเสร็จแม่งหายง่วงเนี่ยแหละ ทำไมถึงเป็นแบบนี้คะ เรื่องนี้ควรมีการทำวิจัยอย่างจริงจัง #ข้ามมันไปเถอะ

อย่างนึงที่เราชอบคือพวกวิชาที่เราเลือกตอนที่ทดลองลงทะเบียนมันไม่หายเว้ย คือแปดโมงครึ่งปุ้บ แกมีหน้าที่กดยืนยันให้ไวที่สุด สองวิก็เสร็จ กดให้ทันพอ แม่งง่ายกว่าจองบัตรอปอีกค่ะ... และแน่นอนว่าเราก็ไม่พลาดค่า แปดครึ่งปุ้บก็ยืนยันทันตามที่คิดไว้ทั้งหมด ได้ยินว่า 2 นาทีหลังลงทะเบียน Man and Art ก็เต็มแล้ว โอ้โห ขอบคุณอปที่ฝึกสกิลกดบัตรให้เราลงทะเบียนทันนะเว้ย แต่ทำไมคอนอปกูกดไม่ทันวะ ฮืออออ หกโมงเช้าและคิวแรกไม่ช่วยอะไรเลย


เทอมนี้เรียน 7 ตัวค่ะ ครบตามที่ลงได้เลย คือมหาลัยกำหนดให้ลงได้ 15-22 หน่วยกิต/เทอม เกินนี้ไปจ่ายตังเพิ่มค่ะ แต่วิชาของคณะส่วนมากจะเป็น 3 หน่วยกิต (หรือ 3 หน่วยกิตทั้งหมดเนี่ยแหละ) หรือก็คือคณะเราจะลงได้มากสุด 7 ตัว 21 หน่วยกิตค่า

ตารางเรียนดูน่าคบหากว่าตารางตอนม.ปลายอีกค่ะ วันอังคารนี่รักแรงมาก อะไรคือตื่นมาเรียนชั่วโมงแล้วไม่มีเรียนอีกคะ555555 (จริงๆ บ่ายอังคารเราต้องมีเรียนแหละ แต่เราลบวิชาตัวที่เรียนนั่นออก ไปลงอีกตัวที่เรียนจันทร์เช้าแทน) แต่รายละเอียดวิชาจะน่ารักเหมือนตารางไหมต้องดูอีกทีตอนเปิดเทอมเนอะ5555 แต่แน่ๆ คือวันพุธตอนบ่าย เราต้องไปเรียนที่ศูนย์สันสกฤตแถวพุทธมณฑลสาย 3 คลองทวีวัฒนาไง ไกลแรงมาก แล้วคือนี่มีบ้านอยู่พุทธมณฑลสาย 1 แต่อยู่หอแถวสะพานปิ่นเกล้าไงละ (....) ที่น่ากลัวอีกอันคืออังกฤษ แบ่งตามคะแนนโอเน็ต แล้วอีนี่ได้อยู่กลุ่ม 2 ไง.... น่ากลัวแรง ต้นไปไหน ปล่อยหนูไปลุ่มกลางๆ ก็ได้ค่ะ ไม่ว่าอะไรเลย ฮือออ #ร้องไห้แปป


อะไรที่เป็นภาษาอังกฤษนี่ลำบากเสมอ ฮือออ ดูอย่างโทอิ้งสิ จะเข้าได้ต้องเก็บเกรดวิชาอิ้ง 2 ตัวที่เรียนเทอม 1 กับเทอม 2 ให้ได้ B+ ขึ้นไปนะคะ โฮรววว นี่แบบมองหาโทอื่นไว้เลยค่ะ ทำไมจะเข้าโทอิ้งมันยากแบบนี้คะ....






Friday, July 3, 2015

สัมภาษณ์... ไม่ยากอย่างที่คิดจริงเหรอ


การเข้ามหาลัยของเด็กม.6 นี่คือนรกแบบหนึ่งในชีวิตก็ว่าได้

ไหนจะต้องไปเรียนเพื่อเอาการบ้านกองเท่าภูเขากลัยมาทำ ไหนจะกิจกรรมในโรงเรียนที่ต้องร่วม ยังต้องเฉียดเวลาอ่านหนังสือ ทำข้อสอบเก่าๆ เพื่อผจญกับข้อสอบที่เหมือนผู้หญิงวัยทองขึ้นๆ ลงๆ ไม่รู้ว่าจะออกมาแบบไหน และเมื่อผ่านรอบข้อเขียนของมหาลัยได้แล้ว ยังต้องมาจิตตกกับการสัมภาษณ์ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นไง แม้รุ่นพี่จะบอกว่าสัมไม่ยากก็เถอะ แต่คือฟิลนั้นยากไม่ยากไม่รู้แต่หนูจิตตกไปแล้วค่ะพี่ขา

มานั่งนึกดู.... กูผ่านมันมาได้ไงวะ (.............)

ตัวเราเองจะว่าผ่านสัมภาษณ์เข้ามหาลัยมาเยอะไหมก็ไม่รู้นะ แต่เราผ่านการสัมภาษณ์มาทั้งหมด 5 ครั้งจาก 5 มหาวิทยาลัย 5 คณะ ซึ่งแต่ละครั้งก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนกันเลยสักครั้ง ความยากง่ายก็ต่างกันไป มีทั้งที่ง่ายจนแบบ... หะ! นี่เสร็จแล้วเหรอ และก็มีที่ยากจนแบบ... กูตกแน่ กูตกสัมแน่ๆ


อย่างที่แรก ราชภัฏสวนดุสิต ธุรกิจการบิน หัวหิน รับตรงที่แรกของเราเลยค่ะ เป็นรับตรงที่ไม่ใช่คะแนนการสอบเขียนเลย วัดกันที่ผลสัมภาษณ์ล้วนๆ และมันสัมภาษณ์เป็นอังกฤษล้วนๆ เลยจ้า เห็นถึงความนรกของมันแล้วไหม....

หน้าอย่างกูนี่ พูดอิ้งฟังอิ้งคล่องมากเลยจย้า

ถามว่ายากมากไหม ก็ยากพอควรนะ แต่เราไปเจอที่อื่นที่ยากกว่านั้น และเพราะมันเป้นที่แรก และเราสัมไปเมื่อตั้งแต่ต้นม.6 เทอม 1 แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ลืมจนเกือบหมดแล้วจ้า5555

แต่จำได้ลางๆ ว่ามันเป็นคำถามที่ไม่ยาก และไม่เกี่ยวกับคณะ เกี่ยวกับเรื่องทั่วๆ ไปล้วนๆ เลย มันจะยากก็ตรงเป้นภาษาอังกฤษนี่แล แถมสัมภาษณ์กับต่างชาตินะ ไม่ใช่สำเนียงไทยเลยจ้า ฟังยากอิบอ๊ายเลย ;-;



ที่สองก็เป็นเครือราชภัฏเช่นกัน แต่เป็น ราชภัฏสวนสุนันทา ค่า เป็นรับตรงโครงการเพชรสุนันทา ความสามารถพิเศษทางวิชาการ วัดกันที่สอบสัมภาษณ์ล้วนๆ เช่นกันจ้า เราไปสัมคณะวิทยาการจัดการ สาขาวารสารสนเทศ

ตอนไปสัมคือทุกคนในพอร์ตหมดจ้า แต่อินี่ไปตัวเปล่ามาก และเอ๋อมากเช่นกัน ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อประจำม.อ่ะ

ห้องสัมจะเป็นห้องใหญ่ที่รวม เราสัมภาษณ์ร่วมกับอีกสองสาขา ซึ่งอย่าถามนะ ลืมแล้วแล้วสาขาไหน โต๊ะสัมก็จะอยู่ห่างจากโต๊ะที่นั่งรอสัมไม่มากนัก เรียกได้ว่าพูดอะไรคือได้ยินทั้งห้องอ่ะ แล้วอินี่ก็สัมคนแรกด้วยจ้า เอ๋อไม่พอ ไม่ทันได้เตรียมใจกูก็โดนเรียกสัมแล้วจ้า พ่องเถอะ #อีโมน้ำตาไหล

คำถามก็จะเป็นพวกเกี่ยวกับคณะ เราจำไม่หมดนะ จำได้คร่าวๆ ก็มี

- แนะนำตัว

- ทำไมถึงอยากเรียน (นี่ตอแหลมากค่ะว่าชอบอ่าน เลยสนใจคณะนี้ แต่โดนสวนมาว่าคณะนี้เรียนเป็นนักข่าวนะ ชอบอ่านนี่ไม่พอหรอก....)

- รู้ไหมเรียนอะไร (ตอบไปว่าทราบค่ะ ดูหลักสูตรมาเลยสนใจ แต่ความจริงคือไม่ได้ดูอะไรเลย)

- เรียนอะไรบ้าง ยกตัวอย่างมา (คำถามนี้นี่ต่อยอดจากคำถามบนค่ะ ซึ่งข้างบนเราตอแหล อย่าหวังว่าคำถามนี้จะตอบได้ เพราะงั้นเลยได้แต่ยิ้มสยามและบอกว่า อ๋อ หนูลืมค่ะ....)

- สีประจำม.คือสีอะไร (นี่ก็ยิ้มสยามและบอกว่าจำไม่ได้ค่ะ ออกห้องมาถามพี่เลยรู้ว่าเป็นสีชมพู)

- ระหว่างเดินมาเห็นอะไรบ้าง (ไม่ได้มองเลยค่า เลยตอแหลว่า อ๋อ หนูตื่นเต้นมากค่ะ เลยไม่ได้มองอะไรเลย)

- ชอบนักข่าวคนไหน (ตอบไปว่าสรยุทธค่ะ ฟิลนั้นคือนึกใครไม่ออกเลยลุงยุทธค่ะ เพราะวันสัมคือวันที่ 9 ก่อนหน้าเอสเจจะมา แล้วเราจำได้ว่าวันพรุ่งนี้เอสเจมีไปหาลุงยุทธ เลยตอบลุงยุทธไป... #อ.สัมเห็นความจริงต้องคิดใหม่แน่เลยว่าตอนนั้นไม่น่าให้อินี่ผ่าน)

- ช่วงนี้มีข่าวอะไรบ้าง (ตอนนั้นข่าวเรือล่มนี่ดังมาก รู้จากทวิตเลยตอบข่าวนี้ไปค่า)

- แล้วข่าวในไทยตอนนี้ละ (คำถามต่อยอดเช่นกันค่า เพราะอันบนข่าวเรือล่มเป็นข่าวนอก แต่เราจำไม่ได้ละว่าตอบข่าวอะไรไป)

แล้วก็มีให้อ่านและแปลภาษาอังกฤษ อ่านบทความไทยด้วย เพราะเป็นนักข่าวต้องมีการรายงานข่าวด้วยงี้ (โดนติงมาด้วยว่าเราออกเสียงไม่ชัด พูดเร็วแล้วลิ้นพัน ให้แก้ไขด้วย orz)



แล้วก็ที่ที่ 3 คือ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะวัฒนธรรมสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยงเชิงนิเวศ สาขานวัตกรรมการจัดการการท่องเที่ยวแบบบูรณาการ ชื่อยาวเนอะ55555 เป็นคณะที่เราตั้งใจไว้แล้วว่าจะเรียน ถ้าไม่ติดรับตรงโบราณคดี แต่ว่าติดโบราณคดีเลยไม่ได้เรียน5555

เรายกให้ที่นี่เป็นคณะที่สัมยากที่สุดเลยค่ะ สัมนานและเยอะมาก ออกห้องมานี่แทบกรี๊ดอ่ะ มันแบ่งห้องสัมเป็น 4 ห้อง เราเป็นคนสัมคนที่ 2 ของห้องสัมเรา ก่อนหน้านั้นนั่งรอคนสัมคนแรกอยู่หน้าห้องนานมาก

ก่อนหน้านั้นขอพูดถึงความประทับใจก่อน คืออย่างที่บอกไว้ว่าตอนแรกว่าเราตั้งใจจะเลือกที่นี้แล้ว ตอนนั้นคือเราไม่มั่นใจว่าตัวเองจะติดรับตรงโบราณคดีไง ตั้งใจไว้ว่าถ้าไม่ติดก็จะไม่แอดแล้วเอาที่นี่แทน เพราะคือประทับกับทั้งบรรยากาศม. คณะนี้เรียนที่อโศกตลอด 4 ปีเลย ม.ใหญ่และกว้างมาก (ตอนเดินหาตึกสัมครั้งแรกนี่งงมาก เปิดโทรศัพท์ดูแผนที่ตลอดเลย มันกว้างจริงๆ) รุ่นพี่ (รุ่นพี่ที่นี่น่ารักดีนะ คือประทับใจพี่ผู้ชายคนนึงสุดละ ตอนที่เรารอสัมอยู่หน้าห้องคือตื่นเต้นมาก พี่เขามาให้กำลังใจมาจับมืองี้ พี่คนอื่นก็มีมาคุยด้วยไรงี้ ชอบ ) แล้วก็เพื่อน (ก่อนหน้าที่จะถึงวันสัม มีการตั้งกลุ่มไลน์กัน ได้พูดคุยกัน พอถึงเวลาจริงได้เจอกันทุกคนก็น่ารักมากจริงๆ นะ ยังพอมีบางคนที่ถึงตอนนี้เราก็ยังได้คุยอยู่) เสียอยู่อย่างเดียว เราอยากเรียนโบราณคดีมากกว่าท่องเที่ยว5555

รับตรงมศวปีเรานี่เป็นปีแรกที่มีการใช้แบบยื่นคะแนนแทนการสอบเองของมหาลัย วันสัมก็เลยมีการจัดสอบเองของคณะด้วย และคณะเราก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งเราบอกได้เลยว่าแม่งโคตรยาก /พ่นไฟ ความรู้เกี่ยวการท่องเที่ยวล้วนๆ เลยจ้า (แน่ดิ ก็มันเป็นสาขาการท่องเที่ยวนี่หว่า) นี่มั่นใจน้อยมาก ที่พอจะจำได้ก็คือถามนโยบายการท่องเที่ยวของปีนี้ ให้คำขวัญแล้วก็ถามชื่อจังหวัด ให้ประเพณีมาก็ถามว่าของจังหวัดอะไรแบบนี้ เราจำได้ไม่หมดนะ ลืมเกือบหมดแล้ว5555

ส่วนสัมภาษณ์ ที่โดนถามก็ประมาณนี้

- แนะนำตัว

- ทำไมถึงอยากเรียน (เราก้บอกไปว่าเราอยากลองทำทัวร์เอง มันน่าสนใจที่ได้ทำทัวร์ ได้เห็นทัวร์ที่เราทำเขามีความสุขและสนุกกับที่ที่เราเลือกที่จะให้เขาไปงี้ – ดูนางงาม5555)

- คิดยังไงกับข่าวที่ชาวจีนเข้ามาทำพฤติกรรมไม่ดีในไทย (ช่วงนั้นข่าวนี้กำลังมาแรง เราก็ตอบไปประมาณมารยาททางสังคมของทุกประเทศไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเขาเข้ามาในประเทศเราก็ต้องเคารพและเข้าใจว่าการกระทำบางอย่างเขามันไม่ดีในประเทศเรา เช่นเดียวกับคนไทยที่เวลาไปเที่ยวต่างประเทศก็ต้องยอมรับเช่นนั้น)

- อยู่ระยอง มีสถานที่ไหนบ้างที่นักท่องเที่ยวแล้วส่งผลยังไง (แน่นอนว่าระยองมีชื่อเสียงที่เกาะเสม็ด เสร็จทุกราย เราเลยตอบเกาะเสม็ดไปค่า ส่งผลให้เงินไหลเวียน สร้างชื่อเสียงให้ประเทศงี้)

- แล้วไม่มีผลเสียบ้างเหรอ (โดนเลยค่า ตอบแต่ผลดีไปโดนถามผลเสียเลย555 คิดอย่างหนักเลยค่ะสุดท้ายเลยตอบไปว่าส่งผลเสียต่อธรรมชาติไป เพราะคนเที่ยวเยอะ ไม่ค่อยดูแลกันเลยทรุดโทรมลงเรื่อยๆ)

- มีดูพอร์ตเราด้วย กี๊ดดดด ที่แรกเลยค่ะที่เอาพอร์ตไป ดีใจที่อาจารย์ไม่เมินพอร์ตเรา5555 ดูแล้วก็ถามถึงกิจกรรมที่เราทำ แบบให้เราอธิบายงี้ เราก็พูดไปว่ามีไรบ้าง แต่ที่นี้พอร์ตเราลงกิจกรรมไปไม่ตครบ ก็เลยใช้ตอนนี้กล่าวเสริมไปให้ครบด้วยเลย555

- ดูทรานสคริป เจอโดนถามเรื่อนภาษาจีนไปด้วยแหละ แบบเรางี้เรียนจีนมา 5 ปีเต็มๆ จากหลักสูตรโรงเรียน ได้เกรด 4 ด้วยค่า แลดูน่าภูมิใจ แต่เปล่าเลย สมองกูกลวงมาก ไหนภาษาจีนกุวะ5555 ตอนที่อาจารย์พูดภถามว่าเรียนจีนมาด้วยเหรอ เราเลยต้องรีบบอกว่า อ๋อ ใช่ค่ะ แต่พูดไม่ได้นะคะ ได้แค่อ่านพินอินเล็กๆ น้อยๆ โดนหยอกกลับมาด้วยว่ารีบเชียวนะ กลัวโดนให้พูดเหรอ555555

- ถามเรื่องตัวเรา พวกบ้านอยู่ไหน เรียนท่องเที่ยวพ่อแม่ว่าไง ข้อดีข้อเสียของเรา รวมๆ ก็เกี่ยวกับตัวเราล้วนๆ ไม่ยากค่า

- อ่านบทความอังกฤษ แล้วสรุปให้ฟังค่ะ เราโดนเรื่องยักษ์หน้าวัดพระแก้วค่ะ ไม่ยากนะ เป็นบทความสั้นๆ

รวมๆ ก็ประมาณนี้ ยังมีนะ แต่เราจำไม่ค่อยได้แล้ว555 เราโชคดีที่ไม่โดนถามความรู้เจาะจงเกี่ยวกับการท่องเที่ยว อย่างเพื่อนคนนึงมีโดนถามว่า inbound คืออะไร มันคือนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทยค่า อีกอันก็บอกไปว่าอยากเป็นไกด์ เลยโดนให้แนะนำจังหวัดตัวเอง แบบสมมติว่าตัวเองเป็นไกด์ น่ากลัวมาก โชคดีที่เราตอบไปว่าอยากเป็นคนทำทัวร์

*โน้ตเล็กๆ เป็นความรู้เสริม คนทำทัวร์ที่เราหมายถึงคือการทำงานเป็นทราเวลเอเจนซี่หรือ Land Operator ค่ะ ให้บริการกับลูกค้าที่เป็นบริษัททัวร์ คอยติดต่อพวกสถานที่และโรงแรมให้แก่บริษัททัวร์ ซึ่งมันจะแบ่งเป็นแผนกๆ ไป ถ้าสนใจลองหารายละเอียดเพิ่มเติมได้นะ*




ที่ต่อมาคือ รับตรง 12 จังหวัดรอบแรก มหาวิทยาลัยบูรพา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เอกประวัติศาสตร์ เป็นที่ที่เราชอบการสัมภาษณ์ที่สุดแล้วค่ะ สัม 5 นาทีเสร็จ ตูดไม่ทันหายร้อนจบแล้วจ้า พอร์ตก็ไม่ดู แล้วกูจะเสียตังค่าปริ้นพอร์ตใหม่ไปทำไมต้องสี่ห้าร้อยคะ #อีโมยิ้มทั้งน้ำตา

รับตรงม.บู มันเลือกได้ 4 อันดับ เอกประวัติศาสตร์เราเลือกเป็นอันดับ 2 ส่วนอันดับอื่นเราเลือกเป็นสายภาษาทั้งหมด เกาหลีเป็นอันดับหนึ่ง ตอนสัมภาษณ์เลยโดนถามเรื่องนี้ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับว่าเราสามารถเลือกโทเกาหลีได้นะ ถ้ามาเรียนนี่ และมีคำถามเกี่ยวกับตัวเราเล็กน้อยแล้วก็จบค่า...

คือนั่ง ไหว้ วางพอร์ตและเอกสาร อาจารย์สัมดูใบสมัครรับตรงเรา ถามเรื่องอันดับ แนะนำว่าเลือกโทเกาหลีได้ ถามเรื่องบ้านเล็กน้อย แล้วให้ไป อ๋อ อาจารย์สัมพึ่งจะมาถามชื่อและเลขที่เราก่อนที่เราจะลุกไปเนี่ยแหละค่ะ #อีโมยิ้มทั้งน้ำตา




ที่สุดท้ายคือนี่ค่า คณะโบราณคดี เอกประวัติศาสตร์ศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากร กี๊ดดดดดดด /รัวมือ

เป็นคณะที่รับสมัครนานโคตร กว่าจะประกาศชื่อคนมีสิทธิ์สัม กูนี่ปลงแล้วจ้า คะแนนคงไม่สู้ เตรียมจะไปเรียนมศวแล้วจ้า แต่จู่ๆ ก็มีชื่อสัมเฉย นี่แทบจุดพลุฉลองค่า ฮือออออออ /กราบรัว

วันสัมนี่ไปถึงตั้งแต่หกโมงอ่ะค่ะ แบบชีวิตนี้ไม่เคยไปวิทยาเขตวังท่าพระเลย ไม่แม้แต่จะผ่านเลยจ้า พอไปถึงหน้าม.ตอนหกโมงแล้วเดินเข้าไปนี่ชะงักมาก แบบนึกนะ หน้าคณะไม่มีใครเลย ฟ้าตอนหกโมงก็ไม่สว่างดี เดินไปนี่ลดพัดปลิว แล้วตึกก็จะขลังๆ หน่อย คือแบบ... น่ากลัวเอี้ยเลย หนูกลัวผีนะคะ ฮืออออออ สาบานว่ามาเรียนจะไม่อยู่ที่ม.จนดึกหรือมาเช้าเกินคนเดียวแน่ๆค่ะ TwwwwwwwwwwwwwT

สัมภาษณ์ที่นี่ก็ไม่ยากนะ ถึงขั้นปานกลางแต่สั่นมากค่า สั่นพอๆ กับตอนสัมภาษณ์มศวเลย ฮือออ แต่เราโชคดีตรงที่ไม่โดนถามพวกโบราณสถานนะ ฮ่า ถ้าโดนต้องตอบไม่ได้แน่เลย5555

รวมๆ แล้วเราโดนแต่คำถามเกี่ยวกับตัวเองทั้งนั้น อย่างคำถามที่เราว่ายากที่สุดก็คงเป็นว่าประวัติศาสตร์ศิลปะคืออะไรและมีประโยชน์ยังไงสำหรับเรา แล้วก็มีพูดถึงเรื่องวิชาโทเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็จบค่า




สรุปแล้ว...

ถ้าถามเราว่าสัมภาษณ์ยากไหม ให้ตอบว่าไม่ยากก็คงตอแหลเกินไป เพราะส่วนตัวเราเองกลัวทุกครั้งที่จะโดนสัมภาษณ์ #ฮา

ทริคง่ายๆ ใช้สำหรับสัมภาษณ์ของเรานี่ไม่ยากเลยค่ะ เราใช้วิธีพูดเยอะๆ ชวนคุยมันไปเถอะ แต่ให้มันเกี่ยวกับคำถามที่ถูกถามนะ มันจะช่วยให้เราหายตื่นเต้นได้ดีนะ แต่แบบบางทีก็เพลินเกิน พูดจะลามไปเรื่องอื่น5555 orz

เรื่องพอร์ต เราว่าเอาไปด้วยก็ดีนะ จะดูหรือไม่ดูค่อยว่ากันอีกทีเถอะ อย่างน้อยยังอุ่นใจ เหมือนเรามีโล่ปกป้องตัวเองการเข้าสมรภูมิรบที่เรียกกว่าการสัมภาษณ์ได้ดีเลยล่ะ5555 ส่วนตัวเรามีพอร์ต 3 แบบ แบบแรกไม่ได้ใช้เพราะหน้ามันเยอะไป ไม่มีตังปริ้น orz แบบสองเราใช้สัมภาษณ์มศว หน้าปกนี่ทำโดยเฉพาะเลย ส่วนแบบสามคือทำไปสัมม.บู และลามมาโบราณคดีเลย เพราะไม่มีเวลาทำใหม่และปริ้นใหม่ ช่างกระชั้นชิดนัก orz


ใครว่ายิ่งสัมภาษณ์เยอะ ยิ่งไม่กลัวสัมภาษณ์นี่เถียงนะ เถียงสุดใจเลยค่า จะสัมภาษณ์กี่ครั้งทุกที่นี่ก็น่ากลัวเหมือนเราโดนสัมภาษณ์ครั้งแรกเลย ฮืออออ #อีโมน้ำตาไหล